add_filter( 'admin_email_check_interval' , '__return_false' ); อดีตปธน.รัสเซียลั่นไม่จับกลุ่มต่อต้านรัฐ กำจัดทิ้งสถานเดียว - Sina615-iot

อดีตปธน.รัสเซียลั่นไม่จับกลุ่มต่อต้านรัฐ กำจัดทิ้งสถานเดียว

หลายฝ่ายมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างน่ากังวล เพราะว่าเกิดขึ้นในแผ่นดินรัสเซีย ตลอดจนสร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย จนออกมาประกาศว่าจะกวาดล้างกลุ่มผู้ก่อเหตุ

ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ได้ให้ความเห็นเรื่องนี้ ขณะที่เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชาธิปไตยประชาชนลาวว่า ผู้ก่อความไม่สงบควรแค่ถูกจับกุมตัว แต่ควรถูกกำจัดทิ้งเหมือนหนู

ยูเครน ปฏิเสธส่งกองกำลังโจมตีรัสเซีย ผู้ก่อเหตุยอมรับเอง

รู้จักกลุ่มต่อต้านปูตินในรัสเซีย ผู้อาจอยู่เบื้องหลังวินาศกรรมเบลโกรอด

นอกจากความเห็นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลรัสเซียแล้ว เมื่อวานนี้นักข่าวก็ได้ลงพื้นที่ไปสอบถามความคิดเห็นของประชาชนรัสเซียทั้งในแคว้นเบลโกรอดและกรุงมอสโกว่ามีความเห็นอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้านประชาชนในเบลโกรอดให้ความเห็นเพียงสั้นๆ ว่าตั้งแต่อยู่ในพื้นที่มาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

ขณะที่ประชาชนในกรุงมอสโกให้คำตอบไปในทิศทางที่คล้ายกันว่า พวกเขากังวลว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีก และประชาชนควรตั้งคำถามถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นในรัสเซีย

ถ้าสังเกตความเห็นของอดีตผู้นำรัสเซียและประชาชนในกรุงมอสโก จะเห็นได้ว่าเต็มไปด้วยความโกรธและความกังวล อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้อดีตประธานาธิบดีเมดเวเดฟไม่พอใจหนัก และทำให้ประชาชนในกรุงมอสโกเกิดความกังวล แม้ว่าแคว้นเบลโกรอดจะอยู่ไกลจากเมืองหลวงถึง 700 กิโลเมตร

คำตอบของเรื่องนี้มาจากความสำคัญของแคว้นเบลโกรอด แคว้นเบลโกรอดเป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ติดกับชายแดนด้านเหนือของยูเครน อยู่ห่างจากแคว้นคาร์คีฟของยูเครนออกมาเพียง 25 ไมล์ หรือราว 40 กิโลเมตร สามารถนั่งรถยนต์ข้ามไปจากยูเครนโดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

อย่างไรก็ดี แม้แคว้นเบลโกรอดจะเป็นพื้นที่ชายแดนรัสเซียและอยู่ไกลจากเมืองหลวง แต่ที่นี่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำหรับรัสเซียเพื่อเข้ารุกรานยูเครน เนื่องจากแคว้นเบลโกรอดเป็นศูนย์กลางและที่ตั้งของฐานทัพรัสเซียเพื่อใช้ส่งทหาร ตลอดจนกำลังบำรุงไปยังแนวหน้าต่างๆ ที่รับมือกับกองทัพยูเครนอยู่ในตอนนี้

ทั้งนี้เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในเบลโกรอดเป็นฝีมือของกลุ่มกองกำลังสองกลุ่ม คือ กลุ่มกองกำลังเสรีภาพรัสเซีย และกลุ่มกองกำลังรัสเซียอาสา

กลุ่มกองกำลังทั้งสองกลุ่มนี้ อ้างว่าตนเองเป็นชาวรัสเซียที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล มีเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยรัสเซียจากระบอบการปกครองของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน

สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักระบุตรงกันว่า นักรบของทั้งสองกลุ่มนี้มีฐานที่มั่นอยู่ในยูเครน และได้รับการฝึกฝนการรบกับกองกำลังยูเครน แต่ไม่ได้สังกัดหรือขึ้นกับกองทัพยูเครน โดยพวกเขายืนยันว่าสู้ในนามของชาวรัสเซียภายใต้ธงของกลุ่มตนเอง

ส่วนเป้าหมายของการโจมตีและก่อวินาศกรรมครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายระบุว่ามีเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยแคว้นเบลโกรอดจากรัฐบาลรัสเซีย

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ล่าสุดในพื้นที่ เมื่อวานนี้กลุ่มกองกำลังเสรีภาพรัสเซียได้เปิดเผยผ่านเทเลแกรมส่วนตัวว่า สามารถทำลายยานยนต์หุ้มเกราะของกองทัพรัสเซียในพื้นที่ได้ รวมถึงทำให้บริเวณดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่ “ปลอดทหาร” แล้ว

ก่อนที่กลุ่มกองกำลังเสรีภาพรัสเซียจะย้ำว่าไม่ได้พูดลอยๆ เหมือนรัฐบาลที่คอยผลิตโฆษณาชวนเชื่อหลอกประชาชนว่าทำลายกองกำลังอิสระได้ และในอนาคตอันใกล้โลกจะเห็นวิดีโอยืนยันเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเบลโกรอด

การรายงานผ่านเทเลแกรมของกลุ่มกองกำลังเสรีภาพรัสเซีย มีขึ้นหลังจากอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกแถลงและเผยแพร่ภาพวิดีโอที่กองทัพรัสเซียอ้างว่าเป็นการโจมตีผู้ก่อความไม่สงบในแคว้นเบลโกรอด

โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นได้คร่าชีวิตผู้ก่อความไม่สงบไปกว่า 70 ราย และผลักดันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบกลับไปที่บริเวณชายแดนยูเครนได้สำเร็จ

อย่างไรก็ดี วันนี้กลุ่มกองกำลังรัสเซียอาสา ได้ออกมาโต้กลับผ่านเทเลแกรมว่า ทางกลุ่มไม่รู้ว่ากองทัพรัสเซียทำลายอาวุธอะไรไป แต่รัสเซียอาสาไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลยจากการโจมตีที่เกิดขึ้น

ตอนนี้ทางการรัสเซียรายงานว่าการสู้รบในแคว้นเบลโกรอดดูเหมือนจะยุติลงแล้วอย่างไรก็ดี

ท่ามกลางเหตุความไม่สงบในแคว้นของรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครน นักข่าวก็ได้ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ความเห็นของประชาชนชาวยูเครนว่าคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ประชาชนในกรุงเคียฟที่ออกมาใช้ชีวิตตามปกติบนท้องถนนได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในแคว้นเบลโกรอดจะเป็นผลดีต่อยูเครนที่กำลังเผชิญกับสงครามอยู่ในเวลานี้ เพราะจะเป็นการดึงโฟกัสของรัสเซียออกจากสงคราม

นอกจากประชาชนชาวยูเครนแล้วโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แมทธิว มิลเลอร์ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้เช่นกัน ทางการสหรัฐฯ ระบุว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับกลุ่มกองกำลังทั้งสองกลุ่ม และสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนการโจมตีแผ่นดินรัสเซียเด็ดขาด

 อดีตปธน.รัสเซียลั่นไม่จับกลุ่มต่อต้านรัฐ กำจัดทิ้งสถานเดียว

สาเหตุที่สหรัฐฯ ต้องออกมาให้ความเห็นครั้งนี้ เป็นเพราะกระทรวงกลาโหมและสื่อรัสเซีย ได้เผยแพร่ภาพของยานยนต์ทางการทหารสัญชาติตะวันตกของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ถูกทิ้งไว้ในแคว้นเบลโกรอด

หนึ่งในยานยนต์ที่ปรากฏในภาพถ่ายของกองทัพรัสเซียคือ ยานยนต์ล้อยางอเนกประสงค์ความคล่องตัวสูง หรือฮัมวีส์ (Humvees) ยานยนต์สัญชาติสหรัฐฯ ซึ่งนี่อาจทำให้บางฝ่ายในรัสเซียเชื่อว่าสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สำหรับประเด็นนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันเพียงว่า สหรัฐฯ ไม่แน่ใจว่าภาพที่เห็นเป็นภาพจริงหรือไม่ และแม้ว่าสหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่ยูเครนก็จริง แต่เรื่องการจะนำอาวุธไปใช้ทำสงครามอย่างไรนั้น เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลยูเครนเท่านั้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในแคว้นเบลโกรอด หลายฝ่ายพยายามออกมาถอดรหัสหรือวิเคราะห์ว่าเหตุใดกลุ่มกองกำลังทั้งสองกลุ่มจึงลงมือในช่วงนี้ ใครจะได้หรือเสียประโยชน์อะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้างสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาร์ก ฟิลลิป เฮิร์ตลิง นายทหารเกษียณ อดีตผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นทวีปยุโรปให้ความเห็นว่า

เหตุความไม่สงบในแคว้นเบลโกรอดเมื่อวานนี้ อาจเป็นการตีโฉบฉวย (Raid) ซึ่งเป็นการโจมตีแบบจำกัดและไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัว เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะบางอย่าง ก่อนจะถอนกำลังออกไปอย่างรวดเร็ว

นายพลเฮิร์ตลิงประเมินไว้เมื่อวานนี้ว่า เหตุความไม่สงบในแคว้นเบลโกรอดจะมีลักษณะ 3 อย่างคือ

ข้อแรก การต่อสู้จะอยู่ราวๆ 48- 96 ชั่วโมง หรือราวๆ 2-4 วันก่อนถอนทัพ

ข้อสอง ต่อสู้อยู่ในพื้นที่โดยไม่มีการขนส่งเสบียงเพิ่มเติม

ข้อสาม กลุ่มผู้ก่อเหตุจะพยายามจำกัดอัตราการสูญเสียที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ นายพลเฮิร์ตลิงยังระบุเพิ่มเติมว่าถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการตีโฉบฉวยจริง กลุ่มผู้เหตุสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความตกใจให้หน่วยลาดตระเวนชายแดนรัสเซีย สร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนรัสเซีย ส่งสารไปยังตัวประธานาธิบดีปูติน หรือทำให้กองทัพรัสเซียต้องโยกย้ายกำลังบางส่วนมาปกป้องชายแดน

การวิเคราะห์ดังกล่าวของนายพลเฮิร์ตลิง ค่อนข้างสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการก่อเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้น

เนื่องจากเมื่อวานนี้ ( 23 พ.ค.) กลุ่มกองกำลังเสรีภาพรัสเซียได้ออกมาระบุผ่านเทเลแกรมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น “ภารกิจพิทักษ์สันติภาพ” เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดทหารระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะเดียวกันก็ทำลายหน่วยรักษาความปลอดภัยที่รับใช้ระบอบของผู้นำรัสเซีย

นอกจากนี้ กองกำลังเสรีภาพรัสเซียยังระบุเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ชาวรัสเซียตาสว่างและทำลายมายาคติที่ว่าชาวรัสเซียปลอดภัย รัสเซียแข็งแกร่ง ทั้งยังเผยให้เห็นว่าเจ้าหน้ารัฐปล้นแต่งบประมาณและโกหกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

ตลอดจนกลุ่มกองกำลังเสรีภาพรัสเซียกำลังแสดงให้ชาวรัสเซียเห็นว่า รัฐบาลรัสเซียไม่มีกำลังทางการทหารสำรองเพื่อปกป้องผู้คนที่อยู่ชายแดนได้ เพราะทหารจำนวนมากเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากการไปทำสงครามยูเครน

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ของทางการรัสเซีย เช่น โฆษกรัฐบาล ได้ออกมาระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแคว้นเบลโกรอดเป็นความพยายามของฝั่งยูเครน เพื่อกลบข่าวการเสียเมืองสำคัญอย่างเมืองบัคมุตในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียอ้างว่ายึดได้ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ล่าสุด รัสเซียได้ปล่อยภาพวิดีโอเพิ่มเติมออกมาเมื่อวานนี้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ากองทัพสามารถยึดเมืองบัคมุตได้จริง

วิดีโอดังกล่าวเป็นภาพขณะที่เดนิช ปูชิลิน ผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลรัสเซีย กำลังถือธงของสาธารณรัฐโดเนตสก์ในเมืองบัคมุต ก่อนที่จะเดินไปสำรวจตึกรามบ้านช่องต่างๆ ที่เสียหายจากการสู้รบอย่างหนักตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

แม้จะมีภาพดังกล่าวออกมายืนยัน แต่ทางการยูเครนเองก็อ้างเช่นกันว่ายังไม่พ่ายแพ้ในเมืองบัคมุต เนื่องจากยังมีทหารยูเครนสู้รบอยู่บริเวณเขตชานเมือง และทหารยูเครนเหล่านี้ก็สัญญาว่าจะสู้ต่อไป

ขณะเดียวกัน เยฟเกนี ปริโกชิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ กลุ่มนักรบรับจ้างที่เป็นกำลังสำคัญต่อสู้ในเมืองบัคมุต ก็ได้ออกมาพูดถึงการต่อสู้ที่เมืองบัคมุตเช่นกัน หลังจากอ้างว่าได้รับชัยชนะไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ปริโกชินได้ให้สัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์ทหารรัสเซียรายหนึ่ง โดยอ้างว่ากลุ่มแวกเนอร์เสียทหารไปมากกว่า 10,000 คนจากการรบที่เมืองบัคมุต และแม้ว่าสงครามจะจบลง แต่รัสเซียก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำให้ยูเครนปลอดทหาร

นอกจากนี้ เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าวันนี้กลุ่มนักรบแวกเนอร์จะเป็นนักรบที่เก่งที่สุดในโลก แต่เรื่องหนึ่งที่กองทัพรัสเซียต้องตระหนัก คือ กองทัพยูเครนกลายเป็นหนึ่งในกองทัพที่ดีที่สุดโลก เนื่องจากถูกฝึกมาอย่างดี มีระบบข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงมีการจัดการระบบที่ดีด้วย

นอกจากปัญหาความวุ่นวายและความไม่สงบในสนามรบแล้ว วันนี้มีอีกความคืบหน้าสำคัญมาจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของยูเครนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วันนี้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำพิธีส่งมอบความช่วยเหลือด้านการทหารและมนุษยธรรมให้แก่ยูเครนในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น

สาเหตุที่หลายฝ่ายให้ความสนใจกับการส่งความช่วยเหลือชุดนี้ เป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นสนับสนุนยุทโธปกรณ์ทางการทหารให้ยูเครน โดยยุทโธปกรณ์ที่จะถูกส่งไป คือ ยานยนต์ทางการทหาร จำนวน 100 คันจากกองกำลังป้องกันตัวเองของญี่ปุ่น

ด้านเซอร์กี คอร์ซุนสกี เอกอัครทูตยูเครนประจำญี่ปุ่นที่มาเป็นตัวแทนในการรับมอบความช่วยเหลือจากโทชิโระ อิโนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นระบุว่า ความช่วยเหลือครั้งนี้มีความหมายต่อยูเครนมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นสนับสนุนยุทโธปกรณ์ทางการทหารให้ยูเครน

พิธีมอบความช่วยเหลือทางการให้แก่ยูเครนครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นให้คำมั่นแก่ยูเครนขณะที่ประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ที่เมืองฮิโระชิมะ ประเทศญี่ปุ่นว่า ญี่ปุ่นจะสนับสนุนยูเครนอย่างมั่นคงและจะมอบความข่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ยูเครน

นอกจากยานยนต์ทางการทหารแล้ว ความช่วยเหลือครั้งนี้ยังประกอบไปด้วยอาหารกว่า 30,000 ชุด รวมถึงการให้คำมั่นว่าจะรับทหารยูเครนที่บาดเจ็บเข้ามารักษาตัวในญี่ปุ่น ตลอดจนจะมอบเงินช่วยเหลือยูเครนอีกกว่า 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 250,000 ล้านบาท เพื่อช่วยยูเครนบูรณะประเทศจากความเสียหาย

การมอบความช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะสะท้อนให้เห็นว่าญี่ปุ่นเริ่มปรับนโยบายต่างประเทศที่มีต่อปัญหาในยูเครน หลังจากก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นให้ความช่วยเหลือยูเครนในรูปแบบของเงินและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น

หลายฝ่ายคาดว่าที่มาของการปรับท่าทีต่อสงครามยูเครน อาจเกิดจากการเผชิญกับภัยคุกคามในภูมิภาคอย่างเกาหลีเหนือและจีน ตลอดจนพฤติกรรมที่แข็งกร้าวของรัสเซียที่ซ้อมยิงขีปนาวุธในทะเลญี่ปุ่นถี่ขึ้นในปีนี้

ภาพ:AFP

By admin

Related Post